สเต็มเซลล์จากเลือดในรกและสายสะดือ
เลือดในสายสะดือหรือเป็นที่รู้จักในชื่อ เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (สร้างโลหิต) ซึ่งมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับสเต็มเซลล์จากไขกระดูกและกระแสโลหิต แต่มีความอ่อนเยาว์กว่าและง่ายกว่าในการพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นๆ หน้าที่หลักของเซลล์เหล่านี้คือการสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดใหม่เพื่อทดแทนเซลล์เดิมที่หมดอายุ
เลือดที่อยู่ในรกและสายสะดือของทารกแรกเกิดเป็นแหล่งของสเต็มเซลล์ที่สำคัญที่สามารถเก็บตั้งแต่แรกคลอด เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคหลากหลายทางการแพทย์ นี่อาจเป็นโอกาสสำคัญเพียงครั้งเดียวที่คุณในฐานะพ่อแม่จะเก็บรักษาสิ่งที่มีค่าที่สุดเป็นของขวัญสำหรับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก!

เลือดที่อยู่ในสายสะดือของทารกแรกเกิดเป็นหนึ่งในแหล่งของสเต็มเซลล์ผู้ใหญ่ที่สำคัญที่สามารถเก็บตั้งแต่แรกคลอดที่เรียกว่า สเต็มเซลล์เลือดสายสะดือ
ภายหลังจาการเก็บเลือดสายสะดือด้วยระบบปิดมาตรฐานนานาชาติสากลของเรา เลือดจะถูกส่งมายังห้องปฏิบัติการของเรา (ในกรุงเทพ ไม่ใช่ส่งไปห้องปฏิบัติการในประเทศที่ห่างไกลหรือต่างจังหวัดที่เสี่ยงน้ำท่วม) เพื่อเข้าสู่กระบวนการในห้องปฏิบัติการโดยเทคโนโลยีล่าสุดของ SEPAX จากนั้น
สเต็มเซลล์ที่ผ่านการคัดแยกจะถูกแช่แข็งในอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ซึ่งจะหยุดกระบวนการทำงานภายในเซลล์ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดของสเต็มเซลล์ เลือกเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือลูกของคุณในกรุงเทพกับไทยสเตมไลฟ์ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงเสียหายจากการสูญเสียความเย็นระหว่างการขนส่งออกนอกประเทศ
การเก็บเลือดสายสะดือทำได้ง่ายมากหลังจากที่ลูกคุณคลอดโดยปราศจากความเสี่ยง ไม่รบกวนกระบวนการคลอดปกติ (ไม่ว่าจะเป็นการคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอด) ภายในเวลา 5 นาที เลือดสายสะดือจะถูกเก็บหลังจากสูติแพทย์ตัดสายสะดือออกจากตัวทารก ซึ่งการเก็บเลือดจะไม่เกิดความเจ็บปวดใดๆทั้งมารดาและทารก! โอกาสที่คนในครอบครัวเดียวกันจะมีเนื้อเยื่อตรงกันสูงกว่าคนนอกครอบครัว (1 ใน 4 เทียบกับ 1 ใน 50,000) ทำให้คนอื่นในครอบครัวอาจสามารถใช้สเต็มเซลล์ที่เก็บไว้ได้ถ้าในอนาคตมีความจำเป็น (ต้องตรวจความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อเอชแอลเอก่อน) ในอนาคตข้อบ่งชี้ในการใช้สเต็มเซลล์จะมากขึ้น

ในปัจจุบัน มากกว่า 100 โรคที่รักษาได้ด้วยสเต็มเซลล์ และแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจสามารถนำไปใช้กับโรคทางหัวใจหรือสมอง (โรคหลอดเลือดสมอง ไขสันหลังบาดเจ็บ) ในอนาคตอันใกล้ ผลการวิจัยทดลองกับโรคพาร์คินสันและอัลไซเมอร์ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเป็นที่น่าพอใจ จำนวนครอบครัวทั่วโลกที่เลือกเก็บเลือดอันมีคุณค่าที่เต็มไปด้วยสเต็มเซลล์เพิ่มขึ้นมากและบริการนี้ก็พร้อมสำหรับคุณเช่นกัน


2. เมตาบอลิซึมผิดปกติตั้งแต่กำเนิด:
-
- โรคเอ็มพีเอส (การคั่งหรือสะสมของสารมิวโคโพลีแซคคาริโดซิส)(เช่น ฮันเตอร์หรือ เฮอร์เลอร์ ซินโดรม)
- ภาวะเสื่อมของสมองส่วนสีขาว
- โรคความผิดปกติในการจัดเก็บไกลโคโปรตีน (เช่น ไม่สามารถย่อยน้ำตาลฟิวโคส หรือ น้ำตาลแมนโนส)
- กลุ่มโรคความผิดปกติการสะสมไขมันในไลโซโซม (เช่น โรคโกเช่, โรคพอม-เพ หรือ โรคนีแมนน์พิก)
- โรคกระดูกหิน (กระดูกแข็งที่เปราะและแตก โพรงไขกระดูกไม่เจริญ)
- กลุ่มโรคกระดูกเปราะแต่กำเนิดเกิดจากความผิดปกติในการสร้างคอลลาเจน
3. ความผิดปกติในการสร้างฮีโมโกลบิน:
-
- โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย
- โรคโลหิตจางแบบซิกเคิลเซลล์ (เม็ดเลือดแดงรูปเคียว)
โรคที่รักษาได้ด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์มีดังต่อไปนี้:
1. โรคระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด:
-
- ภูมิคุ้มกันบกพร่องทั้งทีและบีเซลล์แบบรุนแรง
- ภูมิคุ้มกันบกพร่องร่วมกับมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำและมีขนาดเล็ก
- กลุ่มโรคไขกระดูกทำงานล้มเหลว
- โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ (รุนแรง)
- โรคโลหิตจางแต่กำเนิดแฟนโคนี
- โรคโลหิตจางแต่กำเนิดไดมอนด์แบลคแฟน


4. โรคมะเร็งหรือความผิดปกติของต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก:
-
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดมัยอิลอยด์
- มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินและนอนฮอดจ์กิน
- ไมอีโลดิสพลาสติก ซินโดรม (เอ็มดีเอส) ภาวะไขกระดูกผิดปกติก่อนเป็นมะเร็ง
- โรคที่ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดบางชนิดมากผิดปกติ มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- มะเร็งไขกระดูกชนิดมัยอิโลมา
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดลิมฟอยด์
5. เนื้องอกมะเร็ง:
-
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งรังไข่
- มะเร็งของเซลล์ไต
- มะเร็งอัณฑะ
- มะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดเล็ก
- มะเร็งกระดูกอีวิงซาร์โคม่าในเด็ก
- มะเร็งตับอ่อน
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
- มะเร็งสมองชนิดเมดดัลโลบลาสโตมา


6. มะเร็งในเด็ก:
-
- มะเร็งที่ไตในเด็ก
- มะเร็งปมประสาทในเด็ก (นิวโรบลาสโตมา)
- มะเร็งกระดูกอีวิงซาร์โคม่าในเด็ก
- เนื้องอกสมองกลิโอมาที่มีความรุนแรง (เช่น มะเร็งสมองชนิด เมดดัลโลบลาสโตมา)
- เนื้องอกสมอง
7. โรคอื่นๆ:
-
- โรคพีเอ็นเอช (การทำลายเม็ดเลือดแดงที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน)
- โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อเป็นภายหลัง
- โรคปลอกประสาทอักเสบ (เอ็มเอส)
- โรคเอสแอลอี (โรคแพ้ภูมิตนเองที่เกิดอาการกับหลายอวัยวะพร้อมกัน)
- โรคแพ้ภูมิตนเอง เช่น เบาหวานชนิดที่ 1